หลวงปู่สมชาย
ฐิตวิริโย ประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี |
เรื่อง : อบรมพระเณรที่เข้าใจผิดเรื่องผลของสมาธิ การบำเพ็ญของพวกเราก็พยายามนะครับ
พยามดำเนินต่อไป วันนี้ก็มีพระท่านบำเพ็ญไปก็สำคัญผิดตัวเองนิดหน่อยนะครับ
อย่างที่พวกเราเคยได้ยินได้ฟังมา องค์โน้นเป็นบ้าง องค์นี้เป็นบ้าง ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าตกใจละครับ
ถ้าเจ้าตัวรู้จักแก้ไขตัวเองก็ ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ ความจริงสำหรับผู้บำเพ็ญ
ในเมื่อจิตสงบลงไปแล้วนี่ ก็ย่อมจะประสบอะไรบางอย่าง ถ้าหากมัวแต่อยากอย่างเดียว
พอไปเจอเข้าก็มีความตื่นเต้น ความตื่นเต้นอาจจะทำให้เรานี้มีผลเสียได้เป็นบางอย่าง
เหมือนอย่างวันนี้สำหรับพระองค์ที่ได้ ก็เข้าใจว่าตัวเองได้ฌานชั้นสูงนะครับ
ด้วยความดีอกดีใจว่าจะเป็นกำลังช่วยครูบาอาจารย์นี้ละครับ ความจริงพวกเราก็มักจะตั้งใจกันไว้แบบนั้น
มักจะตั้งใจกันไว้ว่าจะเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนครูบาอาจารย์ จะช่วยรับภาระครูบาอาจารย์
จะเป็นครูเป็นอาจารย์สอน มันมีอะไรตั้งไว้ในใจนะครับ ความตั้งใจไว้อย่างนี้มันก็ไม่สู้จะดีนัก
ขอให้ถือว่าเรื่องคนอื่นไม่สำคัญ เรื่องเราสำคัญที่สุด ขอให้เราเป็นไปได้เสียอย่าง
อันอื่นเราจะได้ไม่ได้ ไม่เกี่ยวครับ ไม่เกี่ยวก็เหมือนผมอย่างปัจจุบันนี้
การสอนผู้อื่นนะครับ เวลานี้มันต้องมองให้แน่นอน ควรจะสอนไม่สอนประการใด
ไม่เหมือนในยุคสมัยกระโน้น ผมก็เป็นนักปกฐกถาที่มีชื่อเสียง เพราะด้วยความไม่รู้ประสาของผมนั้นแหละ
ผมก็ว่าไปตามเรื่อง ความเข้าใจของตัวเองแค่ไหนก็ว่าไปตามความเข้าใจ แต่ข้อเท็จจริงแล้ว
ความจริงกับผมพูด มันไม่ค่อยตรงกัน ต่อมาเมื่อผมก้าวขึ้นสู่ธรรมะชั้นสูงพอสมควรแล้ว
ก็ทำให้มองเห็นคำพูดของตัวเองนั้นไม่ค่อยจะถูกต้อง ก็เลยทำให้ผมนี้ไม่ค่อยกล้า
ทีนี้ตอมามาฟังครูบาอาจารย์องค์อื่นที่ท่านเทศก์ บางสิ่งบางอย่างเราเข้าใจถูก
ต้องสำหรับคำพูดที่ท่านพูดมานั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริง เราได้ยินได้ฟังก็อายแทนเหมือนกันครับ
อายแทนจนกระทำให้เรางง ผลที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างรวมแล้วก็หมายความว่าทำให้เราไม่กล้าเทศก์เลอะเทอะเปรอะประครับ
แต่เราไม่ปฏิเสธเราจะเทศก์ หรือคุยเฉพาะคนฟังกันรู้เรื่องครับ สำหรับคนผู้ฟังกันไม่รู้เรื่องเราก็ปฏิเสธไปคือ
หมายความว่าเวลานี้รู้จักเฟ้น รู้จักหานะครับ รู้จักพูด รู้จักสอน มันผิดจากสมัยก่อนครับ
ผิดเป็นคนละคนนี่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่ทำสมาธิสงบปุ๊บ ลงไปเบื้องต้นก็มักจะเข้าใจว่าตัวเองนี้สำเร็จฌานชั้นสูง
ก็มักจะเป็นอย่างนั้นเสมอละครับ ผมก็เคยเป็นเพราะฉะนั้นท่านที่เป็นวันนี้ท่านก็เข้าใจว่าท่านสำเร็จฌานชั้นสูง
แต่ก็ไม่มีความระงับปีติ ไม่มีความระงับความตื่นเต้นอะไรได้ทั้งสิ้นละครับ
ผมบอกว่า การเข้าถึงฌานนี้ มันต้องมีความชำนิชำนาญ สมาธิสมบัติต่าง ๆ นี้
เบื้องต้นนี้ตลอดรสชาติอำนาจความดีทุกอย่างเราต้องชินชาเขาเสียก่อน ชินจนเข้าใจอะไรเป็นอะไร
หมดความตื่นหมดความเต้น สามารถระงับทุกสิ่งทุกอย่างได้ดี แล้วก็เกิดหลายครั้งหลายหนหลายสิ่งหลายอย่าง
จนมีความเฉลียวฉลาดรู้จักนั่นนะครับ มันถึงจะเข้าถึงฌานได้ครับ แท้ที่จริงที่หลงนั้นมันแค่ประตูขณิกเท่านั้นเองครับ
แต่นี้เราไม่ได้พูดตามขณิกของตำราที่เขียน แล้วพูดตามขณิกของผู้บำเพ็ญจริง
ๆ ว่าขณิกคืออะไร ลักษณะหน้าตาของขณิกคืออะไร ก่อนจะเข้าถึงขณิกได้ จะมีอะไรเป็นอุปสรรคอยู่ข้างหน้าครับ
อย่างพระองค์ที่เจอนี้ถือเป็นอุปสรรคครับ ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรค
ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันเป็นอุปสรรค ถ้าเราสามารถระงับเราไว้ดี การตั้งตัวของเราถูกต้องเรียกว่า
อัตตสัมมาปณิธิ คือตั้งตัวไว้ถูก เรามุ่งเอาเราก่อนคนอื่นไม่เกี่ยวเอาเราเสียก่อน
ไม่ใช่เมตตาตกบ่อนนะครับ วางแผนไว้เลย เราจะเป็นศาสดา เราจะเป็นตัวแทนศาสดา
เราจะเป็นตัวแทนครูบาอาจารย์เหล่านี้ กิเลสมันบ่งการไว้หมด เรื่องของกิเลสพอไปถึงปุ๊บ
กิเลสมันก็ชวนอีกละครับ เราจะได้แล้ว เราจะเป็นแล้ว เราจะวิเศษแล้ว เราจะเก่งแล้ว
จะเป็นไปตามความต้องการของเราแล้ว มันสุดแล้วแต่กิเลสมันจับเชิดเอาครับ เพราะเราวิ่งตามกิเลส
ทำสมาธิทำด้วยอำนาจกิเลส ในเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกิเลสมันก็จับเชิดเอา มันก็ไปเลยกายเป็นวิปลาศมันเป็นอย่างนั้น
เพราะนั้นเราอย่าไปคิด ได้ว่าจะต้องวิเศษ เราจะต้องเก่งเราจะต้องเป็นตัวแทนศาสดาเป็นตัวแทนครูบาอาจารย์ไม่เกี่ยว
จะเป็นสุขวิปัสโกก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นจตุสัมภิทา ขอให้เราพ้นจากความทุกข์
สามารถทำลายฐานกิเลสใหญ่ได้ถึง ๖ ฐานนะครับ ฐานที่ตั้งของกิเลสมันมี ๖ ฐานใหญ่
ๆ ฐานที่ตั้งของเขาอยู่ไหน อยู่ที่ตา อยู่ที่หู อยู่ที่จมูก อยู่ที่ลิ้น
อยู่ที่กาย และอยู่ที่ใจ ฐานที่ตั้ง ตัวเชื้อที่ก่อให้เกิดขึ้นคืออะไร มีรูปมีเสียงมีกลิ่น
มีรสโผฐัพพะ ธัมมารมณ์ ไอ้ตัวเชื้อที่มันก่อกันก็มีแค่นั้น ส่วนฐานกิเลสที่พ้นตั้งอยู่
เราก็รู้อยู่แล้ว ความดีใจ ความเสียใจ ต่อสิ่งกระทบ จะเป็นตา เป็นหู เป็นจมูก
เป็นลิ้น เป็นกาย เป็นธัมมารมณ์ก็ดี เกิดความดี ความเสียใจ ต่อสิ่งกระทบนั้นคือตัวฐาน
และการไปแสดงกิริยาของจิตต่อภพของเขา ในเมื่อเราสามารถทำลายได้นะครับ ทำลายได้แล้วก็เป็นอริยบุคคลได้ครับ
แต่เรามุ่งทำลายฐานของกิเลส เพื่อทำลายภพของจิต เพื่อให้รู้เท่าสิ่งนี้นะครับ
แค่นั้นนะครับ เราไม่ต้องไปคำนึงว่าจะต้องเป็นศาสดา เราจะต้องสอนคน อันนั้นกิเลสมันบัญชาครับ
ในเมื่อได้ขึ้นมาแล้ว แสดงความใหญ่โต เพื่อลาภสักการะ เพื่อเกียรติประวัติชื่อเสียง
มันก็อยู่โลกธรรม มันไม่เกินครับ มันไม่เกินครับ มันอยู่แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นเราตั้งตัวเราไว้ในให้ถูก
ตั้งตัวไว้รับข้อโลกียวิสัย ไม่ใช่ผู้ผ่านพ้น ถ้าเราตั้งตัวไว้ถูกคือว่า
ขอให้เราสำเร็จสำหรับคนอื่นไม่เกี่ยว ถ้าเราเป็นไปได้แล้วนั้น สุดแล้วบุญวาสนาบารี
วางตัวของเราให้ถูกต้องอย่างนี้ ในเมื่อไปเจอเห็นสิ่งใดทั้งปวง ความตื่นเต้นมันหมดครับ
มันหมดครับ เพราะกิเลสจับเชิดไปได้ เหมือนอย่างองค์นี้ละนั้น องค์นี้ละครับองค์ที่คุยวันนี้ครับ
ตั้งตัวไว้ผิด มุ่งจะเป็นศาสดาเสียเลย มุ่งอยากจะสอนคนอื่น อยากจะดัง อยากใหญ่มีชื่อเสียง
พอไปเจอเข้ากิเลสมันเชิดเอาซะเสียเลยนะครับ อันนี้มันอย่างนั้น พอสรุปแล้วก็เพียงแค่ว่าจะเข้าสู่ขณิกเท่านั้น
แต่ยังไม่ได้เข้าครับ อุปสรรคมันเกิดขึ้นกิเลสมันจับเชิดเอาผลมันกำลังจะเกิด
แต่กิเลสมันเขย่าเสียก่อน เราอยู่ใต้อำนาจกิเลส มันดึงเวียนวนอยู่ นั่นทำให้เกิดฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมตื่นเต้น
เลยเสียธรรมะครับ มันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราผู้ปฏิบัติต้องระวัง ต้องพยายาม
เราต้องเจอสิ่งเหล่านี้ต้องเจอทุกองค์ ต้องเจอแต่ถ้าเราตั้งตัวไว้ถูกมันก็นิ่มนวลทีนี้ตัวเองก็เข้าใจว่าตัวเองไว้ฌานชั้นสูง
เกิดความดีอกดีใจโลดโผน มันผิดครับ ไม่ใช่ฌานชั้นสูงแค่ประตูขณิกเท่านั้นครับ
ถ้าจะเข้าไปถึงฌานชั้นสูงได้นะครับ เราอย่าไปแปลตามตำราที่เขาแปล คำวาวิตกวิจารณ์
วิตกวิจารณ์มันได้แก่อะไร วิตกวิจารณ์ ปีติสุขเอกกัคคตาอุเปกขา อารมณ์ฌานตามรูปเขาวิพากวิจารณ์ไว้ในตำรานั้น
มันไม่ค่อยตรงเท่าไรครับ ไม่ค่อยตรงเท่าไร เขาเรียกวิตกวิจารณ์นี้ก็หมายว่า
แบบผมว่า คือ ความพร้อม คือ ตัวมัคคะสมังคี คือ ความพร้อมของพร้อมนะครับ
เรานึกถึงเรื่องอะไรก็แล้วแต่ครับ นึกปุ๊บ ไอ้พวกนี้จะเข้าไปรวมตัวครับ รวมตัวทันทีนะครับ
คือ วิตกนั้นมันเข้าไปวิจารณ์ เขารวมตัวกันทันทีวิ่งเข้าเลย ควรไม่ควรประการใดนะครับ
จะรวมตัวเข้าวิจารณ์ทันที ไอ้ตัวนี้ครับเป็นลักษณะคำว่าวิตกวิจารณ์ ต้องตัวนี้สมังคีก่อนพร้อมก่อน
ตั้งแต่เหตุเบื้องต้น จะหยิบจะวางของให้ตัวพร้อมนี้วิ่งไปก่อน จะพูดคำจะมองซ้ายแลขวาที
ทุกกิริยาจะเดินจะนั่งนี้ เราต้องไปจากนี้ก่อน ตัวมัคคสมังคีพร้อมทั้งนี้ไล่ไปเป็นลำดับจนกระทั่งวาระจิต
วิตกถึงเรื่องอะไร จะชวนให้เสียหรือดี ควรไม่ควร หรือประการใด ณ วัดอุโบสถวัดเขาสุกิม ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๒๖ |
กระดานข่าว |
อ่านสมุดเยี่ยม |
เชื่อมโยงกัลยานิมิตร
>> |
วัดเขาสุกิม สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2543 |
พัฒนาและออกแบบโดย
นายทวีศักดิ์ รัตนคม ติดต่อสอบถามได้ที่ webmaster@khaosukim.org และทาง msn ได้ที่ hs2wjo@hotmail.com |