หลวงปู่สมชาย
ฐิตวิริโย ประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี |
เรื่อง : คณะผ้าป่าปากน้ำพังราด ตอนที่ ๒ |
ณ
โอกาสนี้เป็นโอกาสที่พวกเราท่านทั้งหลายจะได้ฟังคำแนะนำสักเล็กน้อยตามกาลเวลา
วันนี้พวกเราเหล่าผ้าป่าสามัคคีมีคณะผ้าป่าปากน้ำพังราดได้นำผ้าป่ามาถวายมาทอดในสำนักสถานที่นี้
บรรดาพวกเราผู้เป็นพุทธมามกะบริษัทในวงแห่งพระพุทธศาสนา พวกเราผู้เกิดแล้วในประเทศไทย
ซึ่งเป็นประเทศเรียกว่า พุทธมามกะประเทศ หรือคนที่อยู่ในประเทศโดยส่วนมากเป็นพุทธมามกะชน
เพราะเหตุนั้นพวกเราผู้เป็นพุทธมามกะทั้งหลายซึ่งไม่ลืมเลย หรือไม่ลืมทั้งซึ่งประเพณีนิยมทางพระพุทธศาสนา
ตัวอย่างการออกพรรษาลาพระเจ้าเป็นหน้าที่ที่ธรรมเนียมของพุทธมามกะทั้งหลาย
มักจะไปทอดผ้าป่ากันตามสถานที่ หรือสำนักที่ทีตนพอใจอะไรเหล่านั้น เมื่อพวกเราเหล่าพุทธมามกะได้เห็นบรรดาบรรพบุรุษหรือปู่ย่าตายายของพวกเราได้ดำเนินมา
พวกเราก็ได้ดำเนินสืบ ๆ กันมา เพื่อรักษาประเพณีธรรมเนียมอันนี้ สืบมาไม่ขาดระยะจนจะเป็นเหตุให้เป็นมรดกหรือประเพณีสืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงอนุชนรุ่นหลัง
แต่แท้ที่จริงแล้วเราจะมุ่งเพียงแต่ที่ว่าจะรักษาธรรมเนียมประเพณีอันนี้เอาไว้นั้นก็หาไม่คือ
การกระทำอย่างนี้มันเป็นการแสดงออกซึ่งความดี ซึ่งตัวเองเป็นพุทธมามกะต้องแสดงความดีต่อศาสนา
ซึ่งตัวเองเป็นพุทธมามกะสมัครอยู่ในเครือวงศ์ศาสนานั้นนี่ประการหนึ่ง และการกระทำนี้ซึ่งการบูชาแด่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นเจ้าของพระศาสนา
เพราะพระองค์เป็นบุคคลผู้ที่มีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ได้โปรดปราณพุทธเวไนยสัตว์ด้วยธรรมานุธรรมปฏิบัติที่พระองค์ดำเนินเข้าไปสู่มรรคผลคือ
ความหลุดพ้น เมื่อพระองค์ถึงที่สุดแล้ว พระองค์ก็ยังประกาศธรรมซึ่งเป็นแผนที่วิชาการจะดำเนินไปถึงที่สุดนั้นแก่บรรดาพุทธมามกะทั้งไปในยุคสมัยนั้น
และมรดกอันล้ำค่าอันนี้ก็ได้ตกทอดมาสู่พวกเราเหล่าพุทธมามกะในปัจจุบันี้
เมื่อพวกเรานี้นึกถึงความดีของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้มีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
บัดนี้พวกเราได้เป็นญาติแล้วกับพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ด้วยการเข้าถึงด้วยข้อปฏิบัติอันดี
พวกเรามีส่วนแล้วในมรดกอันมีค่าทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อพวกเรามีส่วนในมรดกอันนี้
และมองเห็นผลคุณค่าประโยชน์ในส่วนมรดกอันนี้หาที่สุดมิได้ เพราะมรดกอันนี้เป็นมรดกที่ล้ำค่าเหนือกว่ามรดกทั้งหลายที่ตกทอดเป็นมรดกทางโลกอันมรดกทางโลกทั้งหลายที่ตกทอดมาสู่พวกเราทั้งหลายจะได้อาศัยสืบไปแต่อายุเท่านั้นเอง
เมื่อพวกเราเหล่าท่านทั้งหลายหามีชีวิตไม่ มรดกส่วนนั้นไม่มีค่าอะไรเลยกับพวกเรา
ส่วนมรดกอันล้ำค่าที่ตกทอดมาจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านี้ เมื่อพวกเรารับมรดกส่วนนี้แล้วประพฤติปฏิบัติให้เป็นผลอันดียิ่งแล้วในปัจจุบันชาติพวกเราก็ได้รับความสุขความเจริญ
เมื่อพวกเราถึงที่สุดเคลื่อนหนีไปสู่โลกหน้าต้องไปสู่สะคัลไลยกล่าวแล้วคือสวรรค์เป็นอย่างต่ำ
อานิสงส์ผลอันนี้พวกเราปรากฏชัดในกมลสันดานของพวกเราอยู่แล้ว แม้กระทั่งปัจจุบันพวกเราเหล่าพุทธมามกะทั้งหลายนี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็อาศัยพวกเราได้ทำคุณงามความดีมาตั้งแต่ปุเรกชาติ
ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็จะเกิดมาเป็นมนุษย์ไม่ได้ เพราะภูมิชาติ ชาติสถานที่เกิดหรือภพมันมีหลายตำแหน่งมีหลายหน้าที่หรือหลายภูมิชั้นกัน
ถ้าไม่มีบุญญาวาสนาบารมีแล้วจะมีเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้จะต้องไปตกนรกเป็นเปรคเป็นอสูรกายสัตว์เดรัจฉานวกวนไป
ๆ มา ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่แล้วพวกเราเหล่าพุทธมามกะทั้งหลายนี้เป็นผู้มีบุญญาวาสนาบารมีได้สั่งสมอบรมแล้วตั้งแต่ปุเรกชาติอาศัยบุญกุศลนี้และเป็นสิ่งอนุคามินีติดตามมาอำนวยให้พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์พร้อมทั้งมาพบปะพระพุทธศาสนาที่ได้รับมรดกคือศาสนธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นมรดกอันล้ำค่าอีกต่อไป
เมื่อพวกเรามองเห็นคุณค่าประโยชน์ชัดประจักษ์อย่างนี้ พวกเราจึงกล้ายินยอมน้อมตัวเข้ามาสู่วงศ์แห่งพระศาสนาประเทศตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา
ผู้ประพฤติต่อพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ายินยอมที่จะรับเอาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี้ไปประพฤติปฏิบัติ
เพื่อผลประโยชน์ต่อไปในชาติเบื้องหน้า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้เล่า ก็เนื่องจากว่าเรามองเห็นอานิสงส์ผลความอันดีที่พวกเราปฏิบัติธรรมมาแล้ว
แต่ปุเรกชาติมาอำนวยผลประโยชน์ให้แก่พวกเราท่านทั้งหลายให้ได้เห็นประจักษ์ถึงปานนี้พวกเราไม่ลืมเลย
พวกเราต้องการจะทำความดีอันความดีที่กระทำนี้ให้เกิดมีความสุขในชาติปัจจุบันนี้แล้ว
พวกเรายังจะได้รับอานิสงส์ผลอันนี้ต่อไปคือ บุญกุศลที่พวกเรากระทำนี้แลเป็นอนุคามินีติดตามพวกเราต่อไปในชาติเบื้องหน้า
เมื่อพวกเรามองเห็นโยงมาแต่ข้างหลัง และโยงไปข้างหน้ามองเห็นชัดประจักษ์ในอานิสงส์ผลอันนี้
พวกเราทุกท่านจึงได้ยอมกล้าเสียสละจตุปัจจัยของพวกเราที่หามาได้โดยยากพร้อมทั้งกาลเวลาที่พวกเราจะไปประกอบอาชีพในทางฆราวาสสมบัติพวกเราสละทิ้งได้เพื่อต้องการจะมาประพฤติปฏิบัติบุญเขตอันเป็นเหตุที่จะให้เกิดซึ่งบุญความสุขทั้งหลายเหล่านี้
เมื่อพวกเรากล้าทำอย่างที่พวกเราทำลงมาอย่างนี้ เนื่องจากพวกเรามองเห็นชัดประจักษ์อย่างนี้
เพราะเหตุนั้นบรรดาพวกพุทธมามกะของพวกเรา ซึ่งมองเห็นกาลไกลและมองเห็นความดีที่อำนวยให้ผลมาตั้งแต่ปุเรกชาติ
อันพวกเราที่มองเห็นด้วยกำลังของปัญญาชนิดนี้ความดีที่พวกเรามองเห็นนี้จงบำรุงไว้ดี
ๆ คือ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติทั้งรักษาธรรมเนียมประเพณีพร้อมทั้งเป็นการกอบโกยปุญญโกฎภาค
ให้เกิดมีในพวกเราทุกท่านทั้งหลายที่ได้เกิดมาพบปะพุทธศาสนานี้ อันบรรดาคนทั้งหลายที่เกิดมาในยุคนี้เกิดมาในสมัยนี้ไม่ได้พบปะธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
อันบรรดาบุคคลผู้เกิดมาในสมัยนี้ไม่ได้ประเทศตนเป็นพุทธมามกะชนบริษัทพรรคพวกหนึ่ง
หรือผู้ใกล้ชิดในพระศาสนาแล้วคนทั้งหลายเหล่านั้นถึงแม้จะเกิดในชาติปัจจุบันกาล
บัดนี้ธรรมคำสอนของพระองค์จะมีคงที่อยู่ก็ตามบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นหาได้ล่วงพบปะธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่
เพราะว่าไม่ได้ดื่ม ไม่ได้รับ ไม่ได้ปฏิบัติต่อศาสโนวาทธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่ปรากฏให้ตัวของเขาเองได้รับอย่างนั้นจะหาว่าพบปะพระพุทธศาสนาก็หาไม่
อันพวกเราเหล่าท่านทั้งหลายได้พากันประพฤติปฏิบัติต่อศาสนธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นมรดกตกทอดมานี้
พวกเราท่านทั้งหลายได้รับโอชาได้รับอานิสงส์ผลเนื่องจากรับปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อศาสนธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วย
การให้ทานบริจาคด้วยการรักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาตามแต่ความสามารถของพวกเราที่จะกระทำได้อันที่พวกเรากระทำนั้นอานิสงส์ผลปรากฏให้พวกเรารักอานิสงส์ประจักษ์อยู่แล้ว
อันเรียกว่าพวกเราได้ดื่ม หรือได้ลิ้มซึ่งรสพระสัจธรรมเทศนาอานิสงส์ผลคือเช่นไรก็จะอธิบายสู่ฟังนั่นเอง
หรือปัจจุบันนี้ตัวอย่างพวกเราเหล่าท่านทั้งหลายได้ให้ทานการบริจาคมาแล้วพวกเรามีความอิ่มใจ
มีความปลื้มใจ ความอิ่มใจความปลื้มใจนั่นแหละมันเป็นเหตุให้เกิดความสุขแก่นแท้ที่จริง
ความอิ่มใจ ความปลื้มใจเกิดขึ้น ความอิ่มใจความปลื้มใจคือปีตินี้เป็นเหตุให้มีความสุข
อันความสุขนั้นแลเรียกว่าบุญเป็นรสชาติแห่งการทำความดีเป็นอานิสงส์ของการทำคุณงามความดี
อย่าว่าเพียงแค่นี้เลย แม้พวกเราทำคุณงามความดีชาติปัจจุบันนี้แล้ว ส่วนอานิสงส์ที่ติดตามไปนั้นอีกประการหนึ่งนั้นคือ
นิสัยปัจจัยอันที่พวกเราเคยทำความดีนี้และจะเป็นนิสัยเนื่องให้พวกเราทั้งหลายพอใจในการทำคุณงามความดีนี้อีกต่อไป
เมื่อพวกเราไปสู่สะคัลไลยกล่าวแล้ว คือ สวรรค์จุติเคลื่อนจากสวรรค์จำเป็นจะต้องเจอพุทธศาสนาเพราะเป็นการดึง
ซึ่งกันและกัน และนิสัยวาสนาของเราก็ต้องการอยากจะมาเกิดในยุคกาลสมัยเช่นนี้
ด้วยเพราะเหตุนั้นจึงจะไม่ขาดทุนที่เราเกิดมาในชาติ ภายหลังจะได้ประพฤติปฏิบัติต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกต่อไป
นี่เป็นอย่างนี้ เพราะเหตุนั้นส่วนอานิสงส์ทั้งหมดนั้นก็มีอยู่อย่างนี้ขอบรรดาพวกเราเหล่าพุทธมามกะทั้งหลายนี้จงพากันตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติอยู่อย่างนี้เสมอ
ๆ อย่าได้ลดละประมาท แม้พวกเรากลับไปถึงบ้านของพวกเรา การให้ทานบริจาคก็อย่าละทิ้งการรักษาศีลก็พยายาม
การเจริญเมตตาภาวนาในเมื่อมีโอกาสก็ต้องประกอบอย่าให้ขาดระยะอย่าให้ขาดคราว
เพราะว่าเป็นโชคบุญลาภอันประเสริฐของเราแล้วที่เกิดมาพบปะพระพุทธศาสนา เพราะน้อยนักน้อยหนาที่จะเกิดมาพบปะได้
เพราะการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นี้รู้สึกว่าตรัสรู้ได้โดยยาก
ก็ต้องสร้างบารมีกันซะ โอ้โฮ น่าดูหลายอสงไขย จึงเป็นเหตุให้ตรัสรู้ได้ เมื่อพวกเรามาพบปะได้อย่างนี้เป็นโชคลาภอันประเสริฐของพวกเรา
แล้วขอให้มีความปลื้มใจ พอใจ เต็มใจ ขอให้ตั้งประพฤติกันอย่าลดละประมาท ทีนี้มาพูดถึงเรื่องอานิสงส์ผลอันนี้โดยส่วนมากคนเราก็มักจะเข้าใจผิด
ๆ กันอยู่มาก บางผู้บางคนเมื่อไม่กล่าวคำว่าสังฆัสสะ โอโนชะยามะ ก็ไม่เต็มใจ
เพราะมองเห็นว่าอานิสงส์ไม่มากไหน ๆ ก็อยากจะแบกอยากจะหาบอยากจะหอบเอาอานิสงส์มาก
ๆ กลับ แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเราไม่เข้าใจคำที่ว่าสังฆัสสะ โอโนชะยามะ มันสำเร็จมาจากปากวาจาอย่างเดียวของเรา
หรือมันก็หาไม่ คำที่ว่าสังฆัสสะ โอโนชะยามะ ที่จะให้เป็นสงฆ์ให้มีอานิสงส์ผลมากคืออย่างนี้
ถึงแม้เราจะไม่กล่าวเป็นสังฆัสสะก็ตาม แต่จิตใจของเรานั้นเป็นอานิสงส์อยู่แล้ว
ที่ว่าเป็นสงฆ์คือยังไงสมบัติที่พวกเราทำมาหรือ วัตถุทานทั้งหลายพวกเรานำมา
พวกเราไม่ได้มุโหโลกะนาถเลือกที่รักมักที่ชังอันนั้นจะถวายอาจารย์ใหญ่ อันนั้นจะถวายองค์รอง
จิตใจของเราไม่ได้จำแนกของทั้งหลายเหล่านั้นเลย เราเอามาเป็นส่วนกลาง เมื่อเราตกลงปลงใจอย่างนี้มันเป็นสังฆทานตั้งแต่บ้าน
มันเป็นสังฆทานมาเลยจะกล่าวหรือไม่กล่าวก็ตาม ส่วนอานิสงส์ผลนั้นย่อมเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
เพราะว่าคำในคำที่ว่า มุโขโลกนาถเลือกที่รักมักที่ชังในใจไม่มี หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่ามีกิเลสตัวหนึ่ง
ท่านเรียกว่ามัจฉริยะคือความขี้ตระหนี่ ความขึ้ตระหนี่มันอยู่ในจิตใจของเรา
เราทำบุญให้ทานบริจาคหวังเพื่อต้องการจะกำจัดกิเลสตัวนี้ เมื่อหากเรายังมีเลือกที่รักมักที่ชัง
หรือเลือกที่รักผลักที่ชังอยู่แล้ว อานิสงส์ผลมันไม่มากก็เนื่องจากกิเลสตัวนี้มันไม่ตก
เพราะกิเลสตัวนี้มันวิ่งเข้ามาจัดสรรอยู่ เมื่อวิ่งตามหลังกิเลสอยู่ทำตามอำนาจของกิเลสอยู่ไปตามกำลังของกิเลสอยู่อานิสงส์มันก็น้อย
เพราะความหมายในทางศาสนานี้ การทำอะไรลงไปทั้งหมดมุ่งต้องการที่จะให้ชำระมลทินโทษกล่าวแล้วคือ
อาสวะกิเลสตัณหามัจฉริยะเป็นตัวกิเลสตัวหนึ่งบุคคลผู้ที่จะข่ม ทำลายมัจฉริยะธรรมได้ต้องอาศัยการบริจาคทาน
เราทำการบริจาคเราต้องมุ่งโดยเฉพาะว่าต้องการจะกำจัดอาสวะกิเลสตัวนี้ให้ได้
ตัวอัจฉริยะธรรม แล้วส่วนอานิสงส์ผลนอกนั้นมันจะปรารถนาหรือจะอุทิศให้ใคร
อันนี้อีกส่วนหนึ่งแต่ความจริงแล้วมันต้องการที่จะชำระตัวนี้ถึงจะถูกต้องคือว่าถูกตามจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้า
ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ถูกนั่นแหละเรื่องสังฆทาน หรือไม่สังฆทานให้มองดูว่าเมื่อเราทำลงไปนี้เรามีการจัดสรรในเรื่องจิตใจของเราหรือเปล่า
เราทำด้วยอำนาจกิเลสตัณหาหรือเปล่า อำนาจกิเลสตัณหามันวิ่งออกหน้าเรา เราตามหลังมันหรือเปล่า
มันเป็นตัวบัญชาไหม มันเป็นเจ้านายของจิตใจของเราไหม อะไรเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์
เมื่อหากไม่มีอย่างนี้แล้ว เราวางใจเป็นกลางจะเป็นของใครก็ตามจะตกไปสู่ใครก็ตาม
เรามีความยินดีทั้งนั้นอันนี้แหละเรียกว่าสังฆทาน อันบรรดาบุคคลผู้กล่าวสังฆัสสะ
โอโนชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ ข้าพเจ้าถวายอันนี้แด่พระสงฆ์จะว่าสักแค่ไหนก็ตาม
เมื่อจิตใจยังเลือกที่รักผลักที่ชัง เรียกว่ากิเลสจัดสรรอยู่แล้ว จะกล่าวสักแค่ไหนก็ตามวัตถุนั้น
ถึงแม้จะเป็นสงฆ์โดยตรง ยังเลือกที่รักผลักที่ชังก็เรียกว่ากิเลสนำหน้า เมื่อกิเลสนำหน้าอยู่อย่างนั้นแล้ว
อานิสงส์ผลจะมากได้ยังไง ไม่มีทางมาได้ เพราะเหตุนั้นเรื่องสังฆทานก็ดี ปาฏิปุคคลิกทานก็ดี
ขอให้เข้าใจอย่างที่พรรณนามานี้แหละ บรรดาพวกเราเหล่าพุทธมามกะทั้งหลายที่มาทำบุญกุศลราศีในวันนี้มีการทอดผ้าป่าสามัคคีขอบรรดาพวกเราเหล่าท่านทั้งหลาย
ซึ่งคณะผ้าป่าสามัคคีผู้ยอมเสียสละมาในวันนี้ที่ของบรรดาพวกเราทุกท่านผู้มีความมุ่งมาดปรารถนาหวังดีนี้
ขอจงน้อมนำเอากองการกุศลที่พวกเราที่ทำนี้นะอุทิศให้แก่บรรดาเปตชนทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว
ซึ่งมีบิดามารดาพวกของเราเป็นต้น หรือความดีใดทั้งหมด ที่พวกเราปรารถนานั้นขอบันดานพวกเราทุกท่านจงมีความตั้งใจปณิธานปรารถนาในใจ
เมื่อพวกเราทุกท่านมีความตั้งปณิธานปรารถนาแล้วขอจงสำเร็จในความปราถนาของพวกท่านทั้งหลาย
จงทุกประการเทอญ ดังรับประทานวัสัชชนาก็พอสมควรแก่เวลา เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ |
กระดานข่าว |
อ่านสมุดเยี่ยม |
เชื่อมโยงกัลยานิมิตร
>> |
วัดเขาสุกิม สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2543 |
พัฒนาและออกแบบโดย
นายทวีศักดิ์ รัตนคม ติดต่อสอบถามได้ที่ webmaster@khaosukim.org และทาง msn ได้ที่ hs2wjo@hotmail.com |