หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
ประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี

เรื่อง : เรื่องตนแลเป็นที่พึ่งของตน
            ตั้งใจฟังดี ๆ วันนี้จะเทศนาให้ฟังตามระเบียบที่พวกเรานัดประชุม สามวันประชุมที่หนึ่ง แต่แล้วก็ล่วงเลยไปหลายวัน แต่ก็จำเป็นมันมีธุระติดภาระอื่นมาก ก็ไปทำกิจกรรมภาระธุระอันอื่นเสียก่อน วันนี้ได้โอกาสดีมากฟังประชุมกันก็จะให้ข้ออบรมประชุมต่อไป ความจริงพระพุทธเจ้าพระองค์ก็ได้แสดงธรรมไว้หลายอย่าง แต่หลวงพ่อก็ได้หยิบเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาอธิบายอีกชิ้นหนึ่งได้แก่ “อตตาหิ อตตาโนนาโถ” คือธรรมที่ว่าเป็นที่พึงแก่ตนหมายความว่า ตนแลเป็นที่พึ่งของตน คำทีว่าตนแลเป็นที่พึ่งของตนนี้ ถ้าดูโดยผิวเผินเสมือนจะขัดกัน ถ้าดูให้ซึ้งกันแล้วตนนะเป็นที่พึ่งของตนแท้ คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึงของตนแท้ คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึงได้อันนี้ถูกตามหลักบาลี เพราะหลักบาลีพระพุทะเจ้าอ้างว่า “อตตาหิ อตตาโนนาโถ โตหินาโถปโรธิยา” แปลความว่า ตนแลเป็นที่พึงของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งของตนได้ อันนี้เป็นความจริงแท้ เผื่อหาหว่ามีความสงสัยว่า เมื่อหากว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงแล้ว แต่เมื่อเรายังเล็กเราไม่มีความสามารถจะพึ่งตนได้เลย เราต้องอาศัยบิดามารดาหรือบรรดาคนอื่น ๆ ช่วยพิทักษ์รักษาเลี้ยงดู เราจึงโตขึ้นมาได้ถ้าไม่อย่างนันก็ไม่มีทางโตขึ้นมาได้เมื่อมีคำถามหรือมีความสงสัยอย่างนี้ก็ควรจะพิจารณาว่า คำที่ว่าคนอื่นช่วยพิทักษ์รักษาดูแลเลี้ยงดูอะไรในทำนางนี้ มันเนื่องมายังไงมาจากไหน ทำไมถึงว่าตนเป็นที่พึ่งของตน แต่แท้ที่จริงแล้วมันก้ตนแหละเป็นที่พึ่งของตน เราลองนึกดูตั้งแต่เบื้องต้นก็แล้วกัน ถ้าเราไม่มีวาสนาบารมีมาแล้วตั้งแต่ชาติก่อน เราจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ยังไง เราต้องเป็นผู้มีวาสนาบารมีมาแล้ว แต่วาสนาบารมีนั้นเราก็ต้องสร้างมาโดยลำพังของเรา หรือมาโดยกลังของเราไม่ใช่คนอื่นเขาสร้างบารมีให้เรา เผื่อหากว่าคนอื่นเขาสร้างบารมีให้เราได้ โดยไม่ต้องอาศัยเราทำเอง ย่อมเป็นบารมีดีสำหรับเราอย่างนี้ ก็ยังจะพูดกันได้แต่นี้ส่วนวาสนาบารมีเป็นส่วนภายในนั้น เป็นเรื่องของเราจะต้องประกอบขึ้น ตัวอย่างการให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตาภาวนา อันนี้เป็นบ่อเกิดแห่งบารมีธรรมทั้งหลาย อย่างการให้ทานเมื่อเราไม่ได้ไปให้ทานโดยตนเอง เราก็จะต้องมีส่วนภัตตนุโมทนามัย คืออนุโมทนาส่วนกองการกุศลจากคนอื่น จะต้องอาศัยเราเป็นผู้อนุโมทนายิ่งการรักษาศีลแล้วเล่า เมื่อเราไม่รักษาศีลให้คนอื่นรักษาศีลแทน จะเป็นเหตุให้สำเร็จอนิสงสะผลเกิดขึ้นแก่เราได้ไหม มันก็ไม่มีทาง ก็ต้องอาศัยเรานั้นแลเป็นผู้รักษาศีล ศีลจึงจะมีอานิสงค์ปรากฏขึ้นในเรา หรือศีลจึงจะสมบูรณ์ขึ้นในเรา ยิ่งกรเมตาภาวนาแล้วเล่า ถ้าเราไม่มีการเมตตาภาวนาโดยลำพัง ตัวของเราเองแล้วเล่า ก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จไปได้ เผื่อหากว่าการเมตาภาวนาอาศัยคนอื่นเมตตาภาวนาให้ได้ องค์สมเด็จจอมไตรมุณีนาจศาสดาจารย์ ท่านเป็นผู้ปกปิดในการบำเพ็ญภาวนา เป็นอรหันต์บุคคลสัมพุทธเจ้าขึ้นในโลก ก็ไม่ปรากฏว่าพระองค์เอาส่วนการเมตตาภาวนาบรรจุให้สาวกสาวิกาองค์ใด โดยไม่มีการรับฟังโดยเคารพ หรือไม่จดจำเอาธรรมะไปประพฤติปฏิบัติแล้ว เป็นเหตุให้สำเร็จมรรคผลเลยที่เดียว เพราะอาศัยพระพุทธเจ้าบรรจุธรรมเข้าให้เผื่อหากมีอย่างนี้นั้นก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่นี้ดูเหมือนจะไม่มีแล้ว ฉันใดก็ดีการสร้างบารมีก็ฉันนั้น บารมีทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นอาศัยตัวของเราเองเป็นผู้บำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ชาติก่อน อาศัยบารมีอันนั้นแล้ว เป็นเหตุให้เรามาเกิดเป็นมนุษย์ได้ จนกระทั่งมาถึงตระกูลที่เราเกิดก็เหมือนกัน การเลือกเกิดในตระกูลไม่ใช่เราเลือกเอาเลยลำพังต้องอาศัยบุญญาวาสนาบารมีเป็นเครื่องช่วยเหมือนกัน เมื่อเราเกิดขึ้นมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่หรือคนอื่น ๆ ผู้ช่วยพิทักษ์รักษาดูแลนั้น ก็ต้องอาศัยบารมีของเรา ที่สร้างสมอบรมมาแล้วเป็นเครื่องช่วย จึงเป็นเหตุให้ท่านมีความรักและเมตตา อุ้มชูเลี้ยงดูแลอะไรต่าง ๆ จนกว่าจะเติบโตมาได้ ต้องอาศัยธรรมชาติของเราเป็นเครื่องช่วยถ้าไม่อย่างนั้นก็จะเป็นไปโดยธรรมชาติ เพราะมีอยู่บ้าง อย่างเมื่อคลอดออกมาแล้วเอาไปทิ้งหรืออะไรก็แล้วแต่เป้นไปโดยอำนาจของกรรมของสัตว์อันนั้นก็มี แต่นี้คุณพ่อคุณแม่ของหนูทั้งสอง ก็ย่อมมีความรักในหนูทั้งสองอยู่ ได้เลี้ยงดูแลจนกว่าหนูทั้งสองจนเติบโตเห็นประจักษ์อย่างนี้ ก็ต้องอาศัยหนูนั้นนี้แหละเป็นผู้ทำความดีมาแล้ว ตั้งแต่ปุเรตะชาติ เพราะเหตุนั้นจึงได้ใจความชัดที่สุดว่า ตนเป็นที่พึ่งของตนแท้ เพราะเหตุนั้นขอให้หนูทั้งสองนี้จึงตั้งอกตั้งใจทำความดีต่อไปนั้นจะดีมาก หรือถ้าจะพูดอีกส่วนอื่น ตัวอย่างหนูหิวข้าวให้คนอื่นไปกินแทน ก็จะไม่มีทางหายหิวหนูร้อนให้คนอื่นไปอาบน้ำแทนมันก็ไม่หายร้อน ทุกสิ่งทุกอย่างตลอดการเจ็บเป็นไข้ป่วย เมื่อหนูป่วยให้คนอื่นมาขอส่วนแบ่งทุกเวทนาอันนั้นออก ก็ไม่มีทางใดเลย ที่จะแบ่งออกให้กันได้ ทั้งหมดนี้จะแสดงให้เห็นว่าตนนั้นแหละเป็นที่พึ่งของตนนี้เนสิ่งที่ประจักษ์หรือเป็นสิ่งอนุามินี จนกระทั่งเป็นเหตุให้พวกเราได้ปรากฏผลประจักษ์ อย่างที่หลวงพ่ออธิบายมานี้ทั้งหมดแล้วนั้น ต่อไปข้างหน้าอีกเล่าเราก็จะต้องอาศัยความดีอันนี้แหละ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จะเป็นอนุคามินีติดตามพวกเราต่อไปในชาติเบื้องหน้า ที่นี้การสร้างสมอบรมทำคุณงามความดี ก็เหมือนกันอีก เมื่อเราไม่ทำให้คนอื่นทำแทน วาสนาบารมีของเรานั้นจะสมบูรณ์บริบูรณ์ขึ้นไม่ได้ ต้องอาศัยเราเป็นผู้ทำทานเราก็ให้รีบอุตสาห์พยายามบริจาคการเจริญในทาจิต ก็สมควรที่เราจะต้องรับขวนขวาย เพราะว่าทั้งสามนี้ เป็นสิ่งที่อำนวยให้ผลเรามาแล้วตั้งแต่ปุเรตะชาติ จนกระทั้งถึงปัจจุบันชาติ เมื่อเรามองเห็นมองเห็นอานิสังสะผลหรือความดี ในคุณทั้งสามประการนี้ เป็นบารมีที่ท่านพึงอุดหนุนให้เราได้รับความสุขดังกล่าวนี้แล้ว เราก็ต้องรีบทำความดีอันนี้ เพื่อความดีอันนี้จะได้อุดหนุนส่งเป็นอนุคามีมีต่อไปในชาติเบื้องหน้า เป็นอย่างนี่ เพราะเหตุนั้นเราอย่าประมาท ให้รีบพยายามกระทำคุณงามความดีอยู่ อย่าเล่นอย่าเที่ยว มีโอกาสว่างก็ให้รีบเดินจงกรมภาวนาหรือถือศีลเราก็ต้องรีบรักาาให้เข้มแข็ง ทานการบริจาคเรามีโอกาสพอที่จะทำได้ หรือมีของพอที่จะกระทำได้ หรือมีกำลังพอที่จะเกิดเสาะแสวงหาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พอที่จะเป็นวัตถุทานเราจะต้องรีบหา เพื่อขวนขวายประกอบเอาคุณงามความดีให้เกิดให้มีขึ้นเต็มบริบูรณ์อยู่ในเรา นั้นจะประเสริฐถ้าไม่อย่างนั้นเราก็จะขาดทุน ให้เรานึกดูดี ๆ ซิ การเกิดมาเป็นมนุษย์นี้มันเกดมาได้ง่ายเมื่อไร มันเกิดมาได้ เพราะภูมิขั้นของดวงวิญญาณจะต้องไปนั้นนะมันมีหลายภูมิมีหลายก๊ก มีหลายชาติ เมื่อวาสนาบารมีไม่ดีก็เกิดมาเป็นมนุษย์ไม่ได้ แต่เมื่อเพียงแค่ที่ว่ามีวาสนาบารมีพอที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้ ก็เกิดมาเป็นมนุษย์ได้แต่เป็นมนุษย์โง่ เกิดในตระกูลที่ตำอะไรต่ออะไรหลายอย่าง อย่างที่เรามองเห็นความวิปริตของมนุษย์ เมื่อเรามองเห็นอย่างนี้ ก็มองเห็นได้ชัดว่า มนุษย์ที่วิปริตนั้นก็ไม่สามารถที่กระทำความดีเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไม่สมประกอบ แต่เราเป็นผู้สมประกอบหลายอย่างตระกูลที่เกิดก็ดี สติปัญญาเราก็ดี รูปร่างกายของเราก็พอสมควรกำลังวังชาทุกย่างก็ดูมันดีพอเป็นไป แต่แล้วเมื่อเราไม่ทำความดีเพิ่มพูนมันก็ลำบากอยู่ ต่อไปข้างหน้าจะขาดทุน แต่เดี่ยวนี้หนูทั้งสองก็ได้เข้ามาอยู่วัดก็เป็นโชคอันประเสริฐของหนูทั้งสองแล้ว ก็ขอให้เอาร่างกายที่ดีนี้ประกอบขวนขวายในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะการประกอบเป็นของง่ายเนื่องอาตภาพร่างกายก็ดี สติปัญญาก็ดี กำลังวังชาก็สมควรพอที่จะประกอบได้ ก็ให้รีบพยายามประกอบคุณงามความดีอันนี้ ให้เร่งรัดเข้าให้มากที่สุดย่าประมาท นี้จะดีมาก เผื่อหากหนูทั้งสองเข้าใจว่าเออเมื่อทำความดีนั้นจะไม่ตายหรือ ทำความดีมันก็ตาย เมื่อทำความดีนั้นตายอยู่ทำไปทำไม เมื่อหากมีปัญหาอย่างนี้ก็ขอให้พิจารณาว่า การทำความดีหรือไม่ทำความดีนั้นตายเมหือนกันแหละแต่ว่าการตายนะมันก็มีอยู่สองอย่างเหมือนกัน คือตายดีกับตายชั่ว คำที่ว่าตายดีกับตายชั่วคือยังไง ตัวอย่างบุคคลผู้ทำชั่วช้าลามกเอาไว้แล้วในชาติปัจจุบันนี้ เมื่อบุคคลนั้นจุติเคลื่อนไป ต้องไปสู่ทุกคติโลกนรกหรือเป็นเปรต นกระทั่งมาถึงสัตว์เดรัจฉานกะไรเล่านี้ เมื่อบุคคลนั้นทำความดีไว้ เมื่อตายไปแล้วย่อมไปสู่สัคคาลัยสวรรค์หรอพรโลก หรือมีความดีสูงยิ่งย่อมไปสู่พระนิพพาน มันต่างกันอย่างนี้ เมื่อหากต่างกันอย่างนี้หนูทั้งสองต้องการจะไปสู่นรกหรือต้องการไปสู่สวรรค์ เมื่อต้องการจะไปสู่สวรรค์ก็ต้องรีบขวนขวายประกอบประพฤติปฏิบัติกระทำคุณงามความดี จึงจะสมกับว่าเราต้องการไปสูสวรรค์ เมื่อเราต้องการจะไปเกิดสวรรค์ แต่เราไม่ทำคุณงามคาวมดีแล้วเล่า คุณงามคามดีเกิดเองไม่ได้ ต้องอาศัยการประกอบ เมื่อเราประกอบให้มีคุณงามความดีเกิดขึ้นในเรา สมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ถึงแม้เราจะไม่ปรารถนาว่า ข้าพเจ้าต้องการอยากจะไปสู่สุคติ ข้าพเจ้าต้องการจะไปสูสิคติไม่ต้องพูด แม้เราจะปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตาม ย่อมสามารถจะไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้ตามปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ต้องไป นี้มันเป็นอย่างนี้ หรือบุคคลผู้ทำความชั่วช้าลามกก็เหมือนกัน การกระทำความชั่วช้าลามก ข้าพเจ้าไปปรารถนาจะไปสู่ทุคติ จะไม่รารถนาก็ตาม มันก็ย่อมไปสู่ทุคติอยู่นั้นเอง ยกรูปเปรียบคล้ายกันกับว้าบุคคลผู้จับไปข้าพเจ้าไม่ยากร้องหรอก ข้าพเจ้าไม่อยากร้อนหรอก แต่ข้าพเจ้าจับไป แต่เมื่อจับไปส่งไปแล้วมันก็ร้อนเป็นธรรมดา หรือข้าพเจ้าไม่อยากเบื่อเมา แต่ข้าพเจ้ากินของที่เบื่อเมา มันจะเบื่อเมา ข้าพเจ้าไม่ต้องการเผ็ดแต่กินพริกมันก็เผ็ด ถึงแม้ไม่ปรารถนากินลงไปมันก็ต้องเป็นไปตามอำนาจหรือสิ่งเหล่านั้น
            ฉันใดก็ดีการกระทำความชั่วถึงแม้จะไม่ปรารถนาอยากชั่วมันก็ชั่ว บุคคลผู้ไม่อยากทุกขืแกต่ประกอบเหตุที่จะเกิดขึ้นซึ่งทุกข์มันก็ทุกข์ มันเป็นธรรมดา เพราะเหตุนั้นทางความดีก็เหมือนนั้นเอง เมื่อเราประกบความดีมันก็ย่อมมีความดีเป็นอานิสงค์ คือให้ได้รับความสุข ยกรูปเปรียบข้างนอกมาเปรียบเทียบให้ฟังว่า เราอาบน้ำที่เย็นสนิทแต่เราไม่ได้ปรารถนาจะเย็นก็ตาม ลงไปมันเย็นเอง ไม่ว่าพอไปถึงฝั่งแล้วก็กราบยกมือขึ้นว่าข้าพเจ้าต้องการเย็นข้าพเจ้าจึงจะไปอาบน้ำนี้ ไม่ต้องรารถนาอย่างนั้นหรอก พอลงไปมันเย็นเองเพราะสภาพของน้ำเป็นสภาพของเย็นมันก็เป็นอย่างนั้น กระทำความดีมันก็เหมือนกัน เมื่อเราลงมือทำลงไปแล้วความดีมันปรากฏขึ้นมาเอง ความดีที่เรากระทำนักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายเห็นแล้วก็ต้องชม เมื่อหากบุคคลผู้ที่เอาประวัติของเรา ซึ่งเราประกอบคุณงามความดีไปเล่าให้คนอื่นฟัง เพื่อคนนั้นเป็นนักปราชญ์บัณฑิตคนนั้นจะต้องชม นี้เป็นความดีชนิดหนึ่ง ถ้าจะพูดถึงความดีภายในแล้ว เราผู้ประพฤติความดีนั้น ความดีที่เราประพฤตินั้นแหละ มันเป็นอานิสงค์ทำให้เรามีความเยือกเย็นเป็นสุข ตัวอย่างเราเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ผุดผ่อง โดยไม่ประพฤติลามกเลยน้อยนักน้อยหนา คนอื่นเขาจะสงสัยว่าเรานี้ เป็นผู้ที่จะกระทำอะไรไม่ดี ซึ่งเป็นเหตุให้คนอื่นมีความวาดระแวงอย่างนี้จะเป็นไปได้อยากหรือบุคคลจะมาฟ้องร้องเราขึ้นโรงขึ้นศาล อย่างนี้จะรู้สึกว่าจะทำลงไปได้ยาก เพราะเราเป็นผู้มีศีลธรรม เพราะเหตุนั่นหลวงพ่อจึงพูดว่า เมื่อเราทำความดีลงไป แต่ก็ไม่ทั่วไปก็อาจจะมีบ้าง แต่แล้วเมื่อเราทำดีอยู่ แต่ความดีของเราที่ทำเป็นเหตุให้คนชั่วช้าลามกทั้งหลายลงโทษ แต่แล้วเราก็ไม่เสียใจ เราก็ดีใจถึงแม้จะเสียใจบ้างก็ไม่รุนแรง ไม่เหมือนกับบุคคลผู้ทำความชั่วช้าลามก บุคคลผู้ทำความชั่วช้าลามกหากบุคคลผู้อื่นเขาปรารภความชั่วของตัวเองขึ้นเมื่อไร รู้สึกมีความสะดุดหรือเดือดร้อนหรือจะละอายหมู่คณะในทำนองนี้ แต่เมื่อบุคคลผู้ทำความดีเขาปรารภถึงการกระทำของเรา เราก็ปลื้มใจดีใจ หรือถึงเขาจะดูถูกในการกระทำความดีของเราว่าเขาว่าไม่ดีเพราะเขาเป็นคนพาลเพราะเขาไม่เห็นด้วย ถึงเราจะเดือดร้อนก็ไม่สู้จะเดือดร้อนเท่าไรนัก ไม่เหมือนกับบุคคลผู้ทำความชั่วของเขาขึ้นไม่เหมือนกันเลยผิดกัน เพราะเหตุนั้น ขอให้หนูทั้งสองนี้จงสมัครต่อการทำความดีจงพยายามประพฤติปฏิบัติคุณงามความดีอยู่ทุกเมื่อเพราะคุณงามความดีดีอันนี้เมื่อเราประพฤติปฏิบัติได้แล้ว จะนำเราไปสู่สถานที่ดี คือลัคคาลัยกล่าวคือสวรรค์ เมื่อเราจุติเคลื่อนจากสวรรค์เรามาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ได้เกิดในตระกูลที่ดี คุณพ่อคุณแม่ที่เรามาอาศัยบังเกิดนั้นนะ ท่านจะได้เลี้ยงดูเราอย่างปัจจุบันหรืออาจจะยิ่งกว่านี้ได้ เมื่อเราเกิดขึ้นมาแล้วด้วยอาศัยคุณงามความดีที่เรากระทำนั้นแหละ มันเป็นนิสัยปัจจัยจะทำให้เรามีความพอใจชอบใจ แก่การทำความงามความดีอย่างเดิม เราก็จะได้ประพฤติปฏิบัติความดีอีก เพราะมันเป็นนิสัยเนื่องกัน เมื่อเราทำคุณงามความดีแล้ว คุณงามความดีนั้นจะเป็นเหตุ นำพาเราไปสู่สัคคาลัยคือสวรรค์อีก แม้กลับมาสู่มนุษย์โลกก็เป็นอยู่อย่างนั้นเสมอไป ไม่เหมือนกันกับคนทำความชั่ว นี้เป็นอย่างนี้เพราะเหตุนั้นเมื่อหนูมาอยู่วัดแล้วก็อย่าประมาท ให้รีบเร่งพยายามให้ประพฤติให้ปฏิบัติ อย่าลดละอย่าประมาทอย่าเล่น พยายามให้ท่องหนังสือให้มากและเดินจงกรมภาวนาให้มาก รักษาศีลให้มากอย่าลดละอย่าประมาทเป็นอันขาดเชียวนะ ถ้าลดละถ้าประมาทก็ขาดทุนแหละนี้หลวงพ่ออธิบายให้สู่ฟัง โอ้มันหลายอันหลายอย่างยืดยาวก็ขอให้จดจำเอาเถอะ แล้วก็ขอให้ประพฤติปฏิบัติ เมือหนูทั้งสองประพฤติปฏิบัติตามแล้วหนูทั้งสองก็จะมีความสุขความเจริญ งอกงามในบวรพุทธศาสนา ดังหลวงพ่ออธิบายมาก็พอสมควรแก่เวลาแกล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

หน้าแรกธรรมะ
กระดานข่าว
ลงสมุดเยี่ยม
อ่านสมุดเยี่ยม
ผู้เขียน

เชื่อมโยงกัลยานิมิตร >>
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว / สมเด็จพระมหาสมณเจ้า / พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร / พุทธประวัติ, พุทธโอวาท / ธรรมะพุทธองค์ / พุทธศิลป์ โดย อ.เฉลิมชัย / ธรรมะจากพระป่า / กองทัพธรรมพระกัมมัฏฐาน / ประวัติหลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัวช่วยชาติ / จังหวัดจันทบุรี / อำเภอนายายอาม / รอยยิ้มของพ่อ

เหมาะสำหรับจอภาพที่แสดงผลที่ 800 x 600 และเพื่อความสวยงามยิ่งขึ้นหากแสดงผลที่ 1024 x 768 (Microsoft Internet Explorer)
วัดเขาสุกิม
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2543

พัฒนาและออกแบบโดย นายทวีศักดิ์ รัตนคม    
ติดต่อสอบถามได้ที่ webmaster@khaosukim.org   
และทาง msn ได้ที่ hs2wjo@hotmail.com