ชีวประวัติ พระวิสุทธิญาณเถร (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) |
ธรรมะสำคัญกว่าวัตถุ (6) |
ในวันหนึ่งซึ่งเป็นฤดูหนาว และในวันนั้นบรรดาพระเถรานุเถระ
พระภิกษุ สามเณร ได้เข้าไป กราบหลวงปู่มั่น ภูริทตตเถร เป็นจำนวนมากจนเต็มกุฏิ
เพี่อขอรับฟังธรรมะภาคปฏิบัติจากหลวงปู่ ส่วนหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย (ในสมัยนั้นเป็นสามเณร)
และหมู่คณะซึ่งเป็นสามเณรด้วยกัน ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นไปรับฟังธรรมะบนกุฏิได้
เนื่องจากมีเหตุสองประการคือ ๑. สถานที่นั่งมีไม่เพียงพอ ๒. สามเณร
มีหน้าที่ถวายการอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ พระเถรานุเถระ และพระอาคันตุกะที่มาสู่สถานที่
เพราะตามปกติแล้วสำนักปฏิบัติ หรีอวัดพระกรรมฐาน พอถึงตอนเย็นบรรดาสามเณรทั้งหลายก็ต้องพากันต้มยาสมุนไพร
เพื่อถวายพระเถรานุเถระ และถวายครูบาอาจารย์เป็นประจำ ประจวบกับในตอนนั้นท่านกับพวกสามเณรด้วยกัน
ได้พากันต้มยาไว้ถวายครูบาอาจารย์หม้อหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงหลวงปู่มั่นเทศน์ธรรมะ
ก็ได้พากันรีบมาฟัง
เมื่อมาถึงกุฏิหลวงปู่มั่น ก็ได้เห็นพระเถรานุเถระนั่งเต็มกุฏิไปหมด
เห็นว่าไม่มีโอกาสจะขึ้นข้างบนไปฟังได้แล้ว จึงได้พากันหลบเข้าไปยีนฟังอยู่ในใต้ถุนกุฏิด้วยความตั้งอกตั้งใจ
บางคำหรีอบางตอนหลวงปู่พูดค่อยฟังได้ยินไม่ชัดเจน พวกสามเณรก็พากันเขย่งเท้าเงี่ยหูฟังด้วยความกระหาย
จิตใจจดจ่ออยู่กับกระแสเสียงแห่งธรรมะนั้น จนเสียงธรรมะนั้นไม่ได้ผ่านเข้าหู
คือผ่านเข้าทางใจโดยตรง จนทำให้ลืมนึกถึงหม้อยาที่ได้พากันต้มเอาไว้
และลืมนึกถึงความเย็นยะเยือกของอากาศในฤดูหนาว ในตอนนั้นผ้าจีวรจะห่มคลุมกายก็ไม่ได้เอาไปด้วย
สิ่งที่คลุมกายก็เพียงสบงกับผ้าอังสะเท่านั้น
เมื่อหมู่คณะเห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นดังนี้
ต่างองค์ต่างก็พากันตำหนิติเตียนและกล่าวโทษว่าสามเณรสมชาย ทำให้ของ สงฆ์เสียหาย
พระบางองค์ถึงกับด่าว่าจะลงโทษท่านก็มี เพราะความหวั่นเกรงต่อหลวงปู่มั่น
จึงได้พากันโยนความผิดทั้งหมดมาให้ท่านรับแต่เพียงผู้เดียว สามเณรสมชาย
ท่านมีนิสัยเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวอยู่แล้ว เมื่อผิดท่านก็ยอมรับผิดแต่โดยดี
จะลงโทษสถานใดท่านก็ยอมทั้งนั้น ขอแต่ได้มีโอกาสอยู่ฟัง ธรรมะจากหลวงปู่มั่นเท่านั้นก็เป็นที่พอใจแล้ว
ด้วยกุศลเจตนาที่มีอยู่ ประกอบด้วยบารมีธรรม จึงทำให้ท่านไม่หวั่นไหว |
ในขณะที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหม้อยากแตกชำรุดใช้การไม่ได้นั้น หลวงปู่มั่น ภูริทตตเถร ก็เดินผ่านมาทางนั้นพอ ดีและได้มองเห็นหม้อยาก้นทะลุตั้งอยู่บนเตานั้น ลวงปู่ท่านจึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ ซึ่งเป็นลักษณะเข้าใจความหมายและไม่ตำหนิกับการกระทำอันนั้น พร้อมกันนั้นหลวงปู่ท่านจึงได้ปรารภออกมาเบาๆว่าธรรมะดีกว่าวัตถุและหายากกว่าวัตถุ ภายนอก คำพูดของหลวงปู่เพียงสองประโยคเท่านั้น ก็ทำให้บรรยากาศที่กำลังตึงเครียดอยู่นั้นกลับจากหน้ามีอเป็นหลังมือทุกองค์ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น ก็มีสีหน้าเบิกบานอย่างมอง เห็นได้ชัด สำหรับสามเณรสมชาย ท่านยิ่งมีความปลื้มปีติ และ มีความซาบซึ้งในคุณธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทตตเถร เพิ่มขึ้น เป็นทวีคูณมาก ที่หลวงปู่ท่านสามารถเข้าใจเจตนาของท่านได้ ถูกต้อง และเป็นธรรมสมกับที่เขายกย่องสรรเสริญว่า เป็น พระอรหันต์ผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐจริง ๆ แต่ก็ไม่รู้จะ อธิบายอย่างไร จึงจะเหมีอนความรู้สึกภายในได้
แต่ก่อนผู้เขียนเคยคิดสงสัยว่า ด้วยเหตุใดครั้งสมัยพุทธกาล พอฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าแล้ว
จึงได้สาเร็จเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบันได้รวดเร็วเหลือเกินพอหลวงปู่สมชาย
ฐิตวิริโย ท่านได้เล่าเรื่องการฟังเทศน์หลวงปู่มั่น เมื่อสมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่นั้น
คือมีความตั้งใจฟังจริงๆ โดยเสียงเทศน์นั้นไม่ได้ผ่านเข้าทางโสตประสาทเลย
คือ เข้าสู่ใจโดยตรง จึงทำให้ได้แง่คิดว่า ครั้งพุทธกาลที่พระสาวกทั้งหลายได้ฟัง
ธรรมแล้วสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลเบื้องต้นกันเป็นจำนวนมาก หลังจากสามเณรสมชายท่านได้เข้าไปมอบกายถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตตเถร แล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาธรรมะ และข้อวัตรปฏิบัติน้อยใหญ่ทั้งปวง อย่างอุทิศ ชีวิตมาตลอด
|
|
กระดานข่าว |
อ่านสมุดเยี่ยม |
เชื่อมโยงกัลยานิมิตร
>> |
วัดเขาสุกิม สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2543 |
พัฒนาและออกแบบโดย
นายทวีศักดิ์ รัตนคม ติดต่อสอบถามได้ที่ webmaster@khaosukim.org และทาง msn ได้ที่ hs2wjo@hotmail.com |