ชีวประวัติ พระวิสุทธิญาณเถร (หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย) |
บำเพ็ญธรรมที่ถ้ำคำไฮและถ้ำเจ้าผู้ข้า (9) |
ภายหลังจากที่เสร็จจากการอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นแล้ว
หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ท่านก็ได้ กลับไปสู่ที่พัก แต่แทนที่ท่านจะพักผ่อนหรีอจำวัดตามที่มีความดำริเอาโว้ตั้งแต่ตอนแรก
กับเปลี่ยนมาเร่งประกอบความเพียร ในคืนวันนั้นตลอดทั้งคีน ได้ประกอบความเพียรอยู่ในอิริยาบถสาม
คือ ยืน เดิน นั่ง ได้แก่การเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาตามหลักการบำเพ็ญสมาธิจิตนั่นเอง
พอรุ่งเช้าวันใหม่ก็ออกบิณฑบาตตามปกติ และภายหลังจากเสร็จสิ้นภัตกิจแล้ว ท่านก็ได้เข้าไปกราบลาหลวงปู่มั่น ภูริทตตเถร เพี่อออกเดินทางไปจังหวัดสกลนคร ถึงจังหวัดสกลนครและได้ทำกิจธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แทนที่ท่านจะ มุ่งหน้าไปอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ตามที่ได้ตั้งใจไว้ในเบื้องแรก กลับเปลี่ยนใจเข้าไปบำเพ็ญในป่า ซึ่งมีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งเรียกว่า "ถ้ำคำไฮ" บ้านลาดกะเฌอ ท่านได้พักบำเพ็ญอยู่เป็นเวลาพอสมควร ก็ได้ย้ายไปบำเพ็ญต่อที่ "ถ้ำเจ้าผู้ข้า' อำเภอ พรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ซึ่งมีนายลุนและทิดไทย เป็นผู้อุปัฏฐาก ถ้ำทั้งสองแห่งอยู่ไม่ห่างจากสำนักหลวงปู่มั่นเท่าไรนักท่านได้ปักกลดบำเพ็ญมาโดยตลอด ไม่เคยลดละประมาทเลย นับตั้งแต่ได้ออกจากสำนักหลวงปู่มั่น มาเป็นระยะเวลา หนึ่งเดือนเศษ ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ในอิริยาบถสาม และไม่เคย เอนกายลงพักผ่อนหรีอจำวัดเลยด้วยความเอิบอิ่มและปลื้มปีติ ซึ่งได้รับมาจากหลวงปู่มั่นเป็นพื้นฐานแล้ว และยังได้เดินจงกลม นั่งสมาธิ บำเพ็ญภาวนาเพิ่มเติมจนจิตสงบเข้าสู่ฐานของสมาธิ ยิ่งทำให้ความสุขความเอิบอิ่มมี |
พลังสูงยิ่งเป็นทวีคูณ
เหลีอวิสัย ที่จะพรรณาให้ถูกต้องตามความรู้สึกภายในได้ ยิ่งปฏิบัติเท่าไร
รสชาติต่างๆ ของธรรมะที่เกิดขึ้นจากผลของสมาธิ ทำให้เกิด ความดูดดื่มและแปลกประหลาดมหัศจรรย์ซาบซึ้งถึงใจ
ยาก ที่จะหารสชาติอะไรในโลกมาเปรียบได้ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ท่านได้มีแง่คิดขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า
สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรง ตรัสรู้ธรรมใหม่ๆ ในคำภีร์ได้กล่าวไว้ว่า พระองค์ได้ทรงเสวย
วิมุตติสุขถึง ๗ สัปดาห์ อันนี้ไม่ต้องสงสัยเลย ของเราเพียง แค่สมาธิขั้นต่ำๆ
หรีอขั้นกามาวจรกุศลชั้นละเอียดเท่านั้น ยัง ไม่ถึงวิมุตติ วิโมกข์ หรือฌาณญาณอะไรเลย
ยังมีความสุขถึง เพียงนี้ ยิ่งเพิ่มความซาบซึ้งและมหัศจรรย์ในองค์สมเด็จพระผู้
มีพระภาคเจ้า และพระศาสนามากขึ้นเป็นลำดับว่าพระพุทธเจ้าท่านช่างมีความฉลาด
ลึกล้ำคำภีร์ภาพจริงๆ ถ้าคนผู้นึกเดาเอาโดยไม่ได้ปฏิบัติให้เกิดความสงบแล้ว
จะไม่มีความซาบซึ้ง แน่นอน ศึกษาตามตำรามากยิ่งสงสัยมาก เดามากเท่าไร ยิ่ง
ไกลความจริงมากเท่านั้น แต่ถ้าใครปฏิบัติจนเกิดความสงบ คือ สงบจากบาป ก็จะเกิดความซาบซึ้งขึ้นเอง
ถ้าสงบมากก็ซึ้งมาก ถ้าสงบน้อยก็ซึ้งน้อย โดยสมควรแก่การปฏิบัติ ผู้ที่มีความ
ซาบซึ้งในพระศาสนาจริงๆ จะมีความรักและหวงแหนพระ ศาสนาที่สุดยิ่งกว่าชีวิต
กล้ายอมเลยสละทุกอย่างเพี่อจรรโลง และเทิดทูนพระศาสนา มีความเคารพในระเบียบพระธรรม
วินัยน้อยใหญ่ทั้งปวง ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญติไว้ และเข้าใจ ถูกต้องว่าพระธรรมวินัยแต่ละข้อมีความหมายสำคัญอย่างไร |
|
กระดานข่าว |
อ่านสมุดเยี่ยม |
เชื่อมโยงกัลยานิมิตร
>> |
วัดเขาสุกิม สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2543 |
พัฒนาและออกแบบโดย
นายทวีศักดิ์ รัตนคม ติดต่อสอบถามได้ที่ webmaster@khaosukim.org และทาง msn ได้ที่ hs2wjo@hotmail.com |