“ครูใหญ่ว่าอย่างไร” พระอาจารย์ถาม
“ขอกราบเรียนท่านอาจารย์ว่า ที่ว่านี้ก็หมายถึงสงบกิเลสอย่างหยาบ ๆ ที่มันเป็นกิเลสที่มันจะมานำพามากระทบจิตใจเรา
อันมีความโลภ ความโกรธ ความหลง อะไรเช่นนี้ เบื้องต้นนี่ใช่ไหมครับ”
คุณครูวีระ กราบเรียนถาม
“เจริญพรนี่สำหรับเบื้องต้นชั้นแรก” ท่านพระอาจารย์
“คือว่านี่เป็นการสงบผลใช่ไหมครับ” ครูวีระถาม
“เจริญพร” ท่านพระอาจารย์
“ถ้าตัดจำพวกความวูบวาบของจิตที่กระทบต่ออารมณ์ ซึ่งมันต่อเนื่องกันนี่
ถ้าเราตัดพวกนี้เสียได้ก็เป็นหนทางที่จะแสวงหาความรู้จากการบำเพ็ญสูง
ๆ ขึ้นไปได้ ถ้ายังสงบอันนี้ไม่ได้ก็จะเป็นสงบฐาน คือว่ายังเอาดวงจิตของเรานี่เขาไปจดจ่อเฉพาะอันที่เรายึดอย่างที่ว่ากำหนดลมหายใจเข้าออกก็นึกให้จิตว่างลงไปเฉย
ๆ กลายเป็นจิตว่างไปเฉย ๆ อย่างนั้น บางวันก็ทำได้บางเวลาก็ได้ บางวันก็ไม่ได้คับแคบอึดอัด
เหมือนอย่างที่โยมตั๊นว่า อย่างนี้เรียกว่าสงบฐานใช่ไหมครับ” ครูวีระถาม
“เจริญพร” ท่านพระอาจารย์
“ถ้าจิตใจเรามันยังระงับต่อความ อารมณ์ที่ไม่ต้องการ เช่นว่าอารมณ์โกรธเกิดขึ้นวูบวาบ
เราก็ปล่อยกายแสดงกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน กำหมัดกำมือขึ้นมา หรือว่าถ้าเขาชมเชยยกย่องสรรเสริญก็ยิ้มแย้มแจ่มใส
หัวเราะหัวให้มันมีอะไรก็อยากจะหยิบจะยื่นให้เขาหมด อย่างนี้ก็เรียกว่ากิเลสหยาบ
ๆ ก็ยังไม่หมดไปใช่ไหมครับ ถ้ายังมีกิเลสอย่างนี้อยู่ก็หมายความว่าจะไปทำสมาธิให้มันเกิดความสงบขึ้นมาชั่วครู่ชั่วยาม
อย่างสงบฐานเป็นได้แค่เพียงบางวันก็ได้บางวันก็ไม่ได้ ใช่ไหมครับ” ครูวีระถาม
“เจริญพร” ท่านพระอาจารย์
“ก็เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า เคยตั้งใจสงบ พุทเข้า โธ ออก ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวก็มีได้โน่นมา
ไอ้นี่มา เป็นคล้าย ๆ กับว่าเป็นแสงอะไรเหล่านี้แหละครับ” ครูวีระ
“เป็นแสงอุคคหนิมิต เป็นนิมิตชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง” ท่านพระอาจารย์
“มันก็ไม่มีความหมายกับสมาธิของเราเลยใช่ไหมครับ ตกทางของพระอริยเจ้านี่
มันก็เกือบไม่มีความหมายเอาเลย พอออกจากนั่งพุทธ เข้า โธ ออก อยู่นี่
ถ้ามีคนอื่นมาด่าพ่อด่าแม่อะไรขึ้นมาก็ผุนผันขึ้นนี่ แสดงว่าไม่มีอะไรเลยหรือหมดไปเลยใช่ไหมครับ
คือ ธรรมะของท่านอาจารย์สั่งสอนพวกเรานี่ ต้องการให้เราละกิเลสที่มันจะทำให้อารมณ์เราวูบวาบไปกับมันนี่
ให้สะกดกิเลสให้มันนิ่ง ให้มันออก ถ้ามันนิ่งอยู่ไม่ได้ก็ให้มันเหมือนน้ำที่ท่านอาจารย์ว่ามันโดดก็ให้นกระฉ่อกกะฉ่อนอยู่ในแก้วของมัน
อย่าให้มันกระโดดออกนอกแก้ว อย่างนี้ใช่ไหมครับ จุดมุ่งหมายอยู่ตรงนี้”
ครูวีระถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ว่านี่ดิฉันหมายความว่า ที่ว่าไม่สบาย คับแคบนั่นนะ
คือนั่งสมาธิไม่ได้นานค่ะ” คุณโยมกิมตั๊น กราบเรียน