พระธรรมเทศนา พระราชปุจฉา "ผู้คนเขามาวัดทำไมกัน"

พระราชปุจฉา "ผู้คนเขามาวัดทำไมกัน"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาราช และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จ พระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดเขาสุกิม อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ในการทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระประธาน พระอัครสาวกทั้งสอง และพระอานนท์ ภายหลังจากเสร็จพระราชกรณียกิจแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปุจฉา กับท่านพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ดังนี้
 

พระราชปุจฉา.... " ผู้คนเขามาวัดทำไมกัน"

 
ถวายพระพรว่า.... " ผู้มาวัดด้วยเหตุต่างๆ กันบางคนเป็นคนดีอยู่แล้ว มาวัดด้วยมุ่งทำความดีให้มากขึ้น ด้วยการถือศีลภาวนา บ้างอยากรู้ทางวัดเขาทำอะไรกัน จะมาช่วยวัดด้วยความตั้งใจจริง เพราะเห็นว่าเมื่ออยู่บ้านก็ไม่มีอะไรที่จะต้องทำ บางคนก็มาด้วยเหตุที่ว่าอยู่บ้านมีแต่ปัญหา ล้วนแล้วแต่น่าเบื่อ มาวัดหาความสงบดีกว่า มาวัดทำให้สบายใจ"
 
พระราชปุจฉา... " ที่ว่าชาวบ้านเขาเบื่อหน่ายเขาเบื่ออะไรกัน "
พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า.... " การเบื่อหน่ายของชาวบ้านมีสองอย่าง บางคนเบื่อการงานที่จำเจก็หาเวลามาวัด เพื่อพักผ่อน บางเห็นว่าการเป็นอยู่ทางโลกนั้นถึงจะมั่งมี สามารถหาความสุขได้ทุกอย่างก็จริง ล้วนแต่เป็นความสุขชั่วคราว ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงเหมือนความสุขทางธรรม บ้างว่าเกิดมาแล้วก็หนีความตายไม่พ้น ก่อนจะตายก็ควรทำอะไรๆ อันเป็นเหตุให้ตายดี มีความสุขก็มี"
 
พระราชปุจฉา.... " การสอนให้คนนึกถึงความตายนั้น หากสอนไม่ดีแล้ว ก็เป็นเหตุให้เกิดความเกียจคร้านในการหาเลี้ยงชีพ กลายเป็นคนจน เป็นภาระของสังคม ดังนั้นต้องระวังในเรื่องการสอน"
พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ถวายพระพรว่า.... " โดยปกติพระจะสอนให้เห็นโทษของความมัวเมา ก่อให้เกิดความเห็นผิดเป็นชอบ จึงต้องสอนให้เห็นในทางที่ถูกก่อน เช่น

ก. อย่ามัวเมาในวัยว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่
ข. อย่ามัวเมาในความไม่มีโรคมาเบียดเบียน
ค. อย่ามัวเมาในชีวิตว่าเวลาของเรายังมีอยู่

          ด้วยเหตุนี้ จึงสอนให้ทุกคนนึกถึงความตาย ถ้าไม่สอนให้เขาเข้าใจในทางถูกก่อนแล้วกลับจะเป็นผลร้ายดังพระราชปุจฉาโดยแท้ การเจริญมรณัสสตินั้น ชั้นต้นเพื่อให้รู้ว่าทุกคนหนีความตายไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นคนมีคนจน มีความตายเหมือนกันทั้งนั้น สำหรับผู้ทำการภาวนาเจริญกรรมฐาน เพื่อให้นิวรณ์สงบ ก็จำเป็นต้องพิจารณาเป็นอย่างๆไป ความตาย คือ นายเพชรฆาต, ความตาย คือ ต้องพลัดพรากจากสมบัติทุกอย่าง ชีวิตเป็นของที่กำหนดเอง เอาว่าอายุเท่านั้นเท่านี้จะตายก็กำหนดไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่าชีวิตเป็นของน้อยจะตายเมื่อไรไม่มีใครรู้ได้ ขอถวายพระพร"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้า
พระบรมราชินีนาถร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
ทรงเสด็จพระราชดำเนินเททองหล่อพระประธาน
พระอัครสาวกทั้งสอง และพระอานนท์
ณ อุโบสถ วัดเขาสุกิม 3 เมษายน 2520