พระวิสุทธิญาณเถร (29) จำพรรษาที่ประเทศลาวครั้งที่ ๒

(29) จำพรรษาที่ประเทศลาวครั้งที่ ๒

จำพรรษาที่ประเทศลาว ครั้งที่ ๒ (พ ศ ๒๕๐๐) ภายหลังจากหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ได้นำพาพระภิกษุสามเณรเดินหาสถานที่วิเวกเพี่อ บำเพ็ญสมณธรรมตามสถานที่ต่างๆ ของประเทศลาว เป็น เวลานานจนเกีอบจะได้เวลาเข้าพรรษา ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย จึงได้นำพาพระภิกษุสามเณรกลับมาเตรียมตัวเพี่อจำพรรษาที่วัดจอมไตร บ้านดงนาซก ประเทศลาว อีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเป็นพรรษาที่ ๒ เนื่องจากพรรษาแรกหลวงปู่ได้ ปลูกฝังศรัทธาญาติโยมไว้เป็นอย่างดีแล้ว ด้วยการประพฤติดีปฏิบัติชอบ สร้างสรรค์และนำพาทั้งด้านธรรมและวัตถุ เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของบุคคลทั่วไป เมื่อมีฝ่ายสนับสนุนก็มีฝ่ายขัดขวาง ตลอดพรรษาได้มีประชาชนชาวบ้านทุกระดับชั้น มาทำบุญที่วัดจอมไตรกันเป็นจำนวนมาก เป็นประวัติการณ์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

จนกระทั่งวัดในนครเวียงจันทน์จำนวนหลายวัดนั้น ไม่ค่อยมีญาติโยมไปทำบุญ หรีอสนับสนุนเหมือนแต่ก่อน หันมาสนับสนุนที่วัดจอมไตรกันจนเกือบหมด จึงเป็น เหตุให้พระเณรวัดอื่นๆ ตั้งข้อรังเกียจ หาทางโจมตีให้ร้ายทุกวิถีทาง คอยยุแหย่ให้ชาวบ้านรังเกียจ และไม่ให้ชาวบ้านไปทำบุญที่วัดจอมไตร โดยกล่าวหาว่าเป็นพระปลอมบ้าง เป็นพระคอมมิวนิสต์บ้าง เป็นไส้ตกจากเมืองไทยบ้าง สุดแล้วแต่เขาจะว่ากัน บางครั้งเขาแจ้งตำรวจให้มาจับไปสอบสวน


ในพรรษานี้ไม่ค่อยสงบเหมือนพรรษาแรกเท่าไรนัก เพราะว่าเป็นช่วงที่ประเทศลาวได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของชาติ และมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ให้ไปเป็นระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่มีกษัตริย์ ไม่มีศาสนา ให้ เสมอภาคกันทั้งหมด พระสงฆ์ในเมีองลาวทั้งหมดจึงถูกใช้เป็น เครี่องมือในการทำงานของพวกเขา พระสงฆ์ถูกเปลี่ยนระบบ

จากเคยมีระเบียบวินัยมีสิกขาบทต่างๆ เป็นเครี่องควบคุม ให้เป็นพระสงฆ์ที่ไม่มีสิกขาวินัยทั้งหมด โดยหลงเชื่องมงายกับพวกเขา ซึ่งเขาพยายามกล่าวว่าสิกขาวินัยนั้นไม่มีประโยชน์เป็นเรื่องยุ่งยาก ลำบากต่อการรักษา จะทำอะไรตามใจชอบก็ไม่ได้ ถ้าไม่ถือสิกขาวินัยแล้วก็สบาย จะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด

พระสงฆ์ส่วนใหญ่ก็เอียงคล้อยไปกันเป็นจำนวนมาก แล้วหันเข้า โจมตีพวกเดียวกันที่รักษาสิกขาวินัยว่าเป็นพวกงมงายไร้สาระ และอะไรต่ออะไรอีกมากมาย แต่สรุปแล้วก็มีไม่มากนักสำหรับฝ่ายที่ต่อต้านโจมตี ส่วนใหญ่ส่วนมากล้วนแล้วแต่มีความเลื่อมใสศรัทธา คอยเป็นกำลังช่วยสนับสนุน แต่ถึงอย่างไรเหตุการณ์ก็ไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก

พอออกพรรษาแล้ว หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ได้ พิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์บ้านเมืองของประเทศลาว เริ่มมี ปัญหาวุ่นวายเกี่ยวแก่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ท่านจึงได้นำพาหมู่คณะ ทั้งหมดข้ามกลับมาทางฝั่งไทย และก็ได้เดินหาสถานที่วิเวกมา เรี่อย ๆ ได้มากพักอยู่ที่วัดป่าศรัทธารวม จังหวัดนครราชสีมา

พอดีในช่วงนั้นทางรัฐบาลไทยได้จัดให้มีงานทำบญฉลองสมโภชครบ ๒๕๐๐ ปี หรือ ๒๕ พุทธศตวรรษ พอออกจากวัดป่าศรัทธารวม ก็ผ่านไปทางอำเภอโนนสูง บ้านดอนใหญ่ บ้านหัวหนอง และที่สุดก็ได้พักทำความเพียรอยู่ที่ ป่าช้าบ้านเดิ่น เห็ดหิน นานถึงสองเดีอนเศษ