(31) จำพรรษาที่วัดเขาไทรสายัณห์ พ.ศ. ๒๕๐๑
พอจวนใกล้จะเข้าพรรษาในปีนั้นจึงได้หวนกลับมาจำพรรษาที่วัดเขาไทรสายัณห์ อำเภอ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ และในปีนี้หลวงปู่โง่น โสรโย ก็ได้จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในพรรษาปีนี้ หลวงปู่สมชายก็ได้เร่งความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ ดูเหมือนๆ กับหลวงปู่จะทดลองผลสมาธิบางอย่าง คือ ๗ วัน
ท่านจะฉันจังหันครั้งหนึ่งบ้าง บางครั้งก็ ๑๕ วันฉันจังหันครั้งหนึ่งบ้าง และยังได้อธิษฐานเนสัชชิกังคะทุกวันตลอดพรรษา คือไม่เอนกายลงนอนจำวัดทั้งกลางวันและกลางคืน สำหรับ ตอนกลางวันนั้นหลวงปู่สมชายก็ยังได้ช่วยหลวงปู่โง่น โสรโย ก่อสร้างอีกด้วย ในช่วงนี้พอดีทางวัดกำลังก่อสร้างโบสถ์และวิหารบนยอดเขา ทั้งหลวงปู่สมชายและพระเณรจึงได้ช่วยงานในครั้งนี้อย่างเต็มที่
สำหรับหลวงปู่สมชายนั้น เหมีอนกับท่านต้องการให้ พระเณรได้ประจักษ์กับผลของสมาธิ นอกจากท่านจะถือ เนสัชชิกังคะ ๗ วัน ๑๕ วันฉันจังหันครั้งหนึ่งแล้ว ในตอน กลางวันท่านยังสามารถช่วยทางวัดแบกปูนจากข้างล่างขึ้นไปบนเขาได้อีก โดยแบกครั้งละ ๒ ลูก หนึ่งวันท่านสามารถแบกได้ถึง ๔๒ ลูก
ถ้าเทียบกับคนงานที่ทางวัดได้จ้างแบกแล้วนั้น คนงานแบกได้เที่ยวละ ๑ ลูก ตลอดวันคนงานแบกได้เพียงวันละ ๒๐ ลูกเท่านั้น จึงเป็นเรี่องแปลกสำหรับข้าพเจ้าผู้ได้พบเห็น จึง พิจารณาได้ว่าหลวงปู่ท่านเอากำลังจากส่วนไหนของร่างกาย มาทำงานได้อย่างนี้ ถ้าไม่ใช่กำลังจากผลของสมาธิแล้ว คนเราธรรมดาๆ จะไม่สามารถทำได้อย่างนั้นแน่นอน
นอกจากจะได้ช่วยทางวัดแบกปูน ขนวัสดุสิ่งของขึ้นไปก่อสร้างแล้ว ยังไม่พอ ท่านยังได้ลงมือก่อสร้างจนกระทั่งโบสถ์และวิหารทีวัดเขาไทรสายัณห์สำเร็จเรียบร้อย ถ้าเรามีโอกาสผ่านไปก็จะเห็น ตระหง่านอยู่บนยอดเขานั่นเอง ตลอดระยะเวลาที่อยู่วัดเขา ไทรสายัณห์นี้ ก็ได้ คุณหลวงปริญญาโยควิบูลย์ และได้ คุณหมอเรือง เป็นผู้อุปถัมภ์ และในปีเดียวกันนี้ คุณหลวงปริญญา โยควิบูลย์ ก็ได้อุปสมบทบุตรชาย คีอ ร.ต. ทิวา
เมื่อทำการ อุปสมบทแล้วก็ได้นำมาฝากให้ศึกษาธรรมจากหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย แลัวในปีเดียวกันนี้ อาจารย์ณรงค์ แสงมณี ก็ได้อุปสมบทและได้มาจำพรรษาด้วยกัน พอออกพรรษาแล้ว อาจารย์ณรงค์ แสงมณี ก็ได้ลาสิกขาเพี่อไปปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อ แต่สำหรับท่านพระอาจารย์ทิวา อาภากโร นั้นได้มีความซาบซึ้งในรสชาติของการปฏิบัติธรรม จึงได้ลาออกจากราชการ ขอรับใช้พระศาสนามาตลอด จนถึงปัจจุบันนี้
พอออกพรรษาในปีนั้น หลวงปู่สมชายก็ได้นำพาพระ เณรไปบำเพ็ญที่ภูวัว ในครั้งนี้ท่านพระอาจารย์ทิวา อาภากโร ก็ได้ขอติดตามไปบำเพ็ญอีกองค์หนึ่ง หลวงปู่ได้พาหมู่คณะพระ เณรเดินผ่านไปทาง ปากกระดิ่ง มุ่งคล้า และได้พักอยู่ที่ปากกระดิ่ง ๑ คืน พอรุ่งเช้าก็ข้ามมาทางมุ่งคล้า แล้วออกเดินทางต่อไปภูวัว กะว่าจะไปขึ้นทางด้านทิศเหนีอ
แต่วันนี้ขึ้นยังไม่ถึงภูวัว มืดอยู่ตรงเนินเขาพอดี แต่หลวงปู่ก็ไม่ได้หยุดการเดินทางแต่อย่างไร ได้เดินลึกเข้าไปเรี่อยๆ ไกลพอสมควร เห็นว่าดึกมากแล้ว ท่านจึงได้สั่งให้หยุดการเดินทางในกลางป่านั้น และได้ จัดการกางกลดเข้าพักผ่อนเอาแรงเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการ เดินทางมาตลอดวัน ข้าพเจ้าได้ดูนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี
รุ่งเช้าของวันใหม่หลวงปู่สมชายได้พาออกเดินทางต่อเวลาประมาณ ๘ โมงเช้าก็เดินทางมาถึง ถ้ำแกลบ ถ้ำแกว ถ้ำฝุ่น และได้ออกบิณฑบาตที่ หมู่บ้านทุ่งทรายจก ได้ข้าวเหนียวองค์ละปั้น กับข้าวได้งากับปลาร้าอย่างละ ๑ ห่อ ได้กลับมาฉันจังหันที่ถ้ำฝุ่น หลวงปู่สมชายเห็นว่าข้าวและ กับที่บิณฑบาตในวันนี้ได้น้อยเนื่องจากญาติโยมไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
ท่านจึงได้เอาข้าวในบาตรของท่านออก มาแบ่งเฉลี่ยถวายพระเณรเพิ่มเติมจนหมด เกรงว่าพระเณรจะฉันไม่อิ่ม เมื่อแบ่งข้าวถวายพระเณรเสร็จแล้ว ท่านก็ได้ให้พระเณรฉันกันไปเรื่อย ๆ สำหรับตัวหลวงปู่ไม่ได้ฉันจังหันในเช้าวันนั้นเลย ท่านไปนั่งภาวนารอเวลาพระ เณรฉันจนเสร็จจึงได้ออกหาสถานที่บำเพ็ญกัน "..นิสัยเอื้อเฟื้อ เสียสละ " แบ่งปันกับหมู่คณะนั้นหลวงปู่มักแสดงให้เห็นอยู่เสมอ ๆ จนบางครั้งพระเณรเกรงใจจนทำอะไรไม่ถูก
ในครั้งได้บำเพ็ญอยู่ที่ถ้ำแกลบ ถ้ำฝุ่นได้ไม่นานนัก ก็ได้เคลี่อนย้ายเปลี่ยนสถานที่บำเพ็ญไปที่ถ้ำพระ เพราะเห็นว่า สถานที่สงบวิเวกดี อากาศดี น้ำก็สะดวกอุดมสมบูรณ์ สถานที่ หลบภาวนาก็มีมาก การมาอยู่บำเพ็ญในครั้งนี้ก็เหมือนกับเมื่อครั้งก่อนๆ คือ พระเณรไม่ต้องออกบิณฑบาตร (เพราะไม่มีที่จะบิณฑบาต)
ญาติโยมเอาข้าวสารมาฝากไว้ให้สามเณรเป็นผู้หุงหา จัดเตรียมอาหารถวายพระ เหมือนกับสมัยที่ขึ้นมาครั้งแรกๆ นั้นคีอ ใช้ ปี๊ปต้มข้าวใส่ผักหนาม หรือข่าป่า และหวายอ่อนด้วยข้าวสาร ๑ แก้ว ต่อพระเณร ๑๗-๑๘ องค์ พอได้ฉัน ให้มีชีวิตได้อยู่เพื่อการบำเพ็ญภาวนาไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ได้บำเพ็ญภาวนาอยู่บนภูวัวครั้งนี้ถึง ๔ เดือน
|