พระวิสุทธิญาณเถร (12) ผจญภัยกับหลวงปู่ฝั้น

(12) ผจญภัยกับหลวงปู่ฝั้น

นอกจากนั้นท่านก็ได้ออกบำเพ็ญกรรมฐานตามป่าเพื่อแสวงหาความสงบวิเวกเป็นบางครั้ง บางโอกาส แต่โดยส่วนมากท่านชอบไปบำเพ็ญที่ภูวัวเพราะสถานที่แห่งนี้มีความเหมาะสมแก่ การเจริญสมณธรรมมาก จึงเป็นที่สนใจของนักปฏิบัติทั้งหลาย ผู้แสวงหาความพ้นทุกข์ สำหรับหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ใคร่ต่อการหลุดพ้น จึงได้บุกป่าฝ่าดง เผชิญกับสัตว์ร้ายนานาชนิด

เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม เพราะในอดีตเมืองไทย เต็มไปด้วยสิงห์สาราสัตว์ การออกธุดงค์กรรมฐานในยุคนั้น จึงหนีไม่พ้นกับการผจญภัยกับสัตว์ร้ายต่างๆ บางครั้งท่านก็ได้ออกบำเพ็ญกรรมฐานองค์เดียว บางครั้งท่านก็ได้ไปกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ในฐานะเป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านให้ความเคารพนับ ถือมากองค์หนึ่ง และเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของท่านอีกด้วย


หลวงปู่ฝั้น กับหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ก็ได้เคยเผชิญ กับอันตรายร่วมกันมาหลายครั้งในการออกบำเพ็ญกรรมฐาน โดยเฉพาะที่ภูวัว ได้เคยมีเหตุการณ์บางอย่างที่น่าสนใจ โดยส่วนมากรู้สึกว่าจะนำมาเล่ากันผิดๆ พลาดๆ ไม่ค่อยตรงกับความเป็นจริง ไหนๆ จะเล่าเรื่องจริง จึงตัดสินใจเอามาเขียนให้ ท่านผู้อ่านได้ทราบความจริงและพิจารณา

ครั้งหนึ่งหลวงปู่ฝั้น อาจาโร กับหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ออกบำเพ็ญร่วมกันที่ภูวัว หลวงปู่สมชายู ฐิตวิริโย ได้ไปกางกลดอยู่ใกล้โขดหินแห่งหนึ่ง เขาเรียกตรงสถานที่แห่งนั้นว่า หินก้อนน้ำอ้อย (หินค้างหิน) ที่ตรงนั้นเป็นทางผ่านของ สัตว์ร้ายมีช้างและเสือผ่านไปมาแทบทุกคืน นับว่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับภัยอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

เมี่อหลวงปู่ฝั้นได้ทราบเข้า จึงพูดปรารถกับหลวงปู่สมชายว่า "เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ผมเป็นห่วงครูบา"หลวงปู่สมชายจึงกราบเรียนถามหลวงปู่ฝั้นด้วย กริยาอันอ่อนน้อมและเคารพว่ามีเรื่องอะไรหรือครับผม"หลวงปู่ฝั้นตอบว่า "ก็ครูบาอยู่องค์เดียวและอยู่ตรงทางผ่านของมันด้วย" (หมายถึงทางผ่านของเสือและช้าง)

หลวงปู่สมชายจึงกราบเรียนหลวงปู่ฝั้นว่า"ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็น ห่วงกระผมมากเกินไป เพราะกระผมได้อุทิศทุกอย่างแล้ว เพื่อปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัย" หลวงปู่ฝั้นคัดค้านว่าไม่ได้ ๆ คืนนี้ผมจะไปภาวนาอยู่เป็นเพื่อนครูบา' พอถึงตอนเย็น หลวงปู่ฝั้นก็ได้เตรียมบริขารเพี่อจะไปอยู่เป็นเพี่อน

หลวงปู่ สมชายจึงได้จัดที่พักของท่านซึ่งได้อยู่เป็นประจำนั้นถวาย หลวงป่ฝั้น และได้ช่วยกางกลดถวายหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว ท่านเองก็ได้ย้ายที่พักไปกางกลดอยู่คนละฟากคลอง ใน ระหว่างทางผ่านมีเหวลึกมาก ซึ่งไม่เหมาะแก่สัตว์ร้าย มีเสือ และช้าง ที่จะผ่านไปมาย่อมไม่สะดวก จึงแน่นอนที่สุดถ้าสัตว์ ร้ายมาจะต้องผ่านไปทางที่หลวงปู่ฝั้นพักอยู่

ในคืนแรกที่หลวงปู่ฝั้นไปพักอยู่ด้วย ยังไม่ทันข้ามคืนเสียด้วย ช้างก็มาพอดี ช้างโขลงนั้นกะประมาณหลายสิบเชือก เท่าที่ผู้เขียนได้ฟังมาว่า คืนนั้นพอตกดึกเงียบสงัดฟังเสียงช้าง หลายสิบเชือกเดินมาในป่ารกชัฏ ประกอบพร้อมกับบางแห่ง เป็นลานหินบนภูเขา ฟังเสียงอยู่ไกลๆ จึงออกจะคล้ายกับเสียง ลมพายุพัดต้นไม้แรงๆ เสียงต้นไม้หักไม่ขาดระยะ และเสียงนั้น ก็คืบคลานใกล้เข้ามาๆๆ ทางด้านหลวงปู่ฝั้นทุกขณะ สำหรับผู้ ชำนาญป่าอย่างพระกรรมฐาน พอได้ยินเสียงดังนั้นก็ทราบไดั้ทันทีว่า เป็นเสียงโขลงช้างอย่างแน่นอน

เมื่อหลวงปู่สมชายเห็นว่าสถานการณ์อันหฤโหดกำลัง จะเกิดทางด้านหลวงปู่ฝั้น ด้วยนิสัยที่เด็ดเดี่ยว และมีความเป็น ห่วงครูบาอาจารย์ ท่านจึงได้รีบออกจากมุ้งกลดข้ามคลองมา หาหลวงปู่ฝั้นทันที เพื่อรับสถานการณ์ร่วมกัน พอท่านมาถึงที อยู่ของหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่สมชายก็ได้รีบกราบเรียนหลวงปู่ฝั้นทันทีว่า "ท่านอาจารย์จะทำอย่างไรดี มันจวนเข้ามาเต็มทีแล้ว'' หลวงปู่ฝั้นจึงตอบว่า "จะทำอย่างไรดีล่ะ ผมก็ไม่มีทาง แล้ว" หลวงปู่สมชายจึงได้รีบหาสถานที่เพี่อหลบภัยถวายหลวงปู้ฝั้น

ในที่สุดก็ได้พบโขดหินโขดหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าถ้าขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ก็จะเป็นที่ปลอดภัย หลวงปู่สมชายจึงได้กราบเรียนให้หลวงปู่ฝั้นทราบ พร้อมกับท่านได้ขึ้นไปอยู่ข้างบนก้อนหิน แล้วยี่นมีอลงมาให้หลวงปู่ฝั้นจับแล้วปีนป่ายขึ้นไปบนนั้น พอขึ้นไปถึงบนโขดหินแล้ว เห็นว่าอยู่ในเขตปลอดภัยพอสมควรแล้ว

หลวงปู่ฝั้นจึงได้หยิบเอาหวอไม้ไผ่ในย่ามออกมาเป่า ว๊อก ก ก ว๊อก..ๆ..ๆ สองสามครั้ง พอสิ้นเสียงหวอที่หลวงปู่ฝั้นเป่า ในทันทีนั้นช้างทั้งโขลงก็แตกตื่นพากันวิ่งกลับไปด้วยความตกอกตกใจ เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งป่า ครู่ต่อมา สถานการณ์ก็คืบคลานเข้าสู่สภาพปกติ

และในคืนนั้นหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ก็ได้พักอยู่เป็นเพื่อนหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จนรุ่งสว่างของวันใหม่ การออกธุดงค์กรรมฐานในครั้งนั้น หลวงปู่ฝั้นกับหลวงปู่สมชายก็พักบำเพ็ญอยู่หลายเดือน จนเห็นว่าพอสมควรแก่เวลาแล้ว จึงได้พากันกลับออกมา